โธมัส ซิลเลียคัส มหาเศรษฐีชาวฟินแลนด์ และนักธุรกิจชื่อดังในวงการเทคโนโลยี ออกมาเปิดเผยอย่างเป็นทางการว่า เขากำลังเตรียมแผนที่จะยื่นข้อเสนอใหม่ให้กับตระกูลเกลเซอร์ เจ้าของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อพิจารณาขายหุ้นของทีม หลังจากที่ดีลเทคโอเวอร์ในรอบก่อนหน้าไม่ประสบความสำเร็จเมื่อปีที่แล้ว ซิลเลียคัสยืนยันว่าเขายังมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และเชื่อว่าตัวเขาสามารถสร้างโมเดลการบริหารทีมที่ยั่งยืน โปร่งใส และมีส่วนร่วมกับแฟนบอลมากกว่าที่เคยเป็นมา
มหาเศรษฐีวัย 66 ปีรายนี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับวงการฟุตบอล เพราะเขาเคยยื่นข้อเสนอเพื่อเทคโอเวอร์แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาก่อนในปี 2023 แต่ข้อเสนอนั้นถูกปฏิเสธโดยตระกูลเกลเซอร์ เนื่องจากไม่ตรงตามเงื่อนไขทางการเงินที่พวกเขาต้องการ อย่างไรก็ตาม ซิลเลียคัสไม่ยอมแพ้ และยังคงติดตามสถานการณ์ของสโมสรอย่างใกล้ชิด พร้อมเผยว่าขณะนี้เขากำลังจัดตั้งกลุ่มนักลงทุนจากยุโรปและเอเชีย เพื่อเตรียมข้อเสนอใหม่ที่น่าสนใจยิ่งกว่าเดิม
“ผมเชื่อว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือหนึ่งในสโมสรที่มีศักยภาพทางธุรกิจและพลังทางวัฒนธรรมมากที่สุดในโลก” ซิลเลียคัสให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวในฟินแลนด์ “มันไม่ใช่แค่ทีมฟุตบอล แต่เป็นสัญลักษณ์ของความหลงใหล ความสามัคคี และพลังของแฟนบอลทั่วโลก ผมไม่ต้องการเข้ามาเพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน แต่เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงให้กับสโมสรแห่งนี้”
โธมัส ซิลเลียคัส เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทโนวาโมติฟ (Novamoti) และเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของโนเกีย เขามีชื่อเสียงในแวดวงเทคโนโลยีและการลงทุนมาอย่างยาวนาน และยังมีส่วนร่วมในหลายโครงการด้านกีฬาและสื่อดิจิทัล เขาเคยกล่าวไว้ว่า “ฟุตบอลไม่ใช่แค่เกม แต่คือแพลตฟอร์มของการสื่อสารระดับโลก” และนั่นคือเหตุผลที่เขาสนใจเข้ามามีบทบาทในสโมสรที่มีฐานแฟนบอลมากที่สุดในโลกอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
การกลับมาของซิลเลียคัสในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่การเจรจาระหว่างตระกูลเกลเซอร์กับกลุ่มทุนอื่น ๆ เช่น เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ และชีค จัสซิม บิน ฮามัด อัล ทานี จากกาตาร์ ล่าช้าและไม่มีความคืบหน้าชัดเจน ทำให้บรรดานักลงทุนรายใหม่เริ่มมองเห็นช่องว่างในการเข้ามาเจรจาอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่สโมสรต้องการเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด และศูนย์ฝึกซ้อมคาร์ริงตันให้ทันสมัยมากขึ้น

แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่างคาดหวังว่าการเปลี่ยนแปลงในระดับผู้บริหารจะเกิดขึ้นโดยเร็ว เนื่องจากความไม่พอใจต่อการบริหารงานของตระกูลเกลเซอร์ที่ดำเนินมานานกว่า 18 ปี โดยเฉพาะปัญหาด้านการเงินและความโปร่งใสในการตัดสินใจของสโมสร ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้แฟนบอลจำนวนมากออกมาประท้วงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
สำหรับแฟนบอลที่ต้องการติดตามข่าวการเทคโอเวอร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และบทวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเงินของสโมสรระดับโลก สามารถติดตามข้อมูลทั้งหมดได้ผ่านแพลตฟอร์ม สมัคร ufabet ล่าสุด โปรโมชั่นจัดเต็ม ซึ่งมีการนำเสนอข่าวสารฟุตบอลครบวงจร ทั้งข้อมูลนักลงทุน การวิเคราะห์มูลค่าทีม การจัดอันดับสโมสรที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงสุด และบทความเจาะลึกเกี่ยวกับการบริหารสโมสรในยุคใหม่
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับซิลเลียคัสเผยว่า การยื่นข้อเสนอในครั้งนี้จะมีแนวทางแตกต่างจากเดิม โดยเขาวางแผนให้แฟนบอลมีส่วนร่วมในการถือหุ้นของสโมสรผ่านโมเดล “แฟนอินเวสเมนต์” (Fan Investment Model) ที่เปิดโอกาสให้แฟนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทั่วโลกสามารถร่วมเป็นเจ้าของทีมได้ในบางส่วน ผ่านระบบระดมทุนดิจิทัลที่โปร่งใสและปลอดภัย ซึ่งถือเป็นแนวคิดใหม่ที่ได้รับความสนใจจากสื่อทั่วโลก
“ผมอยากให้แฟนบอลรู้สึกว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นของพวกเขาจริง ๆ” ซิลเลียคัสกล่าว “เราจะไม่ให้ทีมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกถูกควบคุมโดยคนไม่กี่คน แต่จะให้คนที่รักและสนับสนุนสโมสรมาอย่างยาวนานมีสิทธิ์ในการตัดสินใจร่วมด้วย” แนวคิดนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มแฟนบอลหลายประเทศ โดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของยูไนเต็ด
นอกจากเรื่องการเทคโอเวอร์แล้ว ซิลเลียคัสยังมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเชิงโครงสร้างของสโมสร เขาวางแผนลงทุนในเทคโนโลยีการฝึกซ้อมที่ทันสมัย การสร้างศูนย์เยาวชนแบบครบวงจร และการยกระดับระบบสcouting ให้ทันสมัยมากขึ้น เพื่อทำให้ยูไนเต็ดกลับมาเป็นสโมสรที่สามารถผลิตนักเตะระดับโลกได้เหมือนในอดีต “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยดาวรุ่งที่เติบโตขึ้นจากอคาเดมี่ ผมอยากให้สิ่งนั้นกลับมาอีกครั้ง” เขากล่าว
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สโมสรภายใต้การบริหารของเกลเซอร์ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าให้ความสำคัญกับผลกำไรมากเกินไปจนละเลยความสำเร็จในสนาม การลงทุนในนักเตะหลายครั้งไม่ประสบผลสำเร็จ และทีมต้องเผชิญกับปัญหาการจัดการที่ขาดเอกภาพ ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่แฟนบอลต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
สำหรับซิลเลียคัส เขามองว่าการบริหารสโมสรฟุตบอลยุคใหม่ต้องใช้แนวคิดแบบธุรกิจผสมผสานกับความเข้าใจในวัฒนธรรมของแฟนบอล “ผมไม่คิดว่าการบริหารทีมฟุตบอลจะเหมือนกับการบริหารบริษัทเทคโนโลยี แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือคุณต้องฟังผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และในกรณีนี้ ผู้ถือหุ้นที่แท้จริงของยูไนเต็ดคือแฟนบอลทั่วโลก”
รายงานจากสื่ออังกฤษอย่าง The Guardian ระบุว่า ข้อเสนอของซิลเลียคัสในครั้งใหม่นี้อาจมีมูลค่าสูงถึง 4.5 พันล้านปอนด์ ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขที่ตระกูลเกลเซอร์ตั้งไว้เมื่อปีที่แล้ว แต่สิ่งที่แตกต่างคือรูปแบบของการลงทุนและแผนการสร้างรายได้ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการขยายตลาดแฟนคลับในเอเชีย การพัฒนาโครงการสื่อดิจิทัลของสโมสร หรือการลงทุนในอีสปอร์ตซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
แฟนบอลจำนวนมากมองว่า หากซิลเลียคัสสามารถทำให้ดีลนี้เกิดขึ้นจริง มันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เต็มไปด้วยความโปร่งใสและมีส่วนร่วมจากแฟนบอลมากขึ้น หลังจากผ่านยุคแห่งความขัดแย้งมายาวนาน
ในมุมของนักวิเคราะห์ธุรกิจฟุตบอล หลายคนเห็นตรงกันว่าการเทคโอเวอร์ของยูไนเต็ดไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากตระกูลเกลเซอร์ยังถือหุ้นใหญ่และไม่ได้มีแรงจูงใจทางการเงินมากพอที่จะขายทีมในตอนนี้ แม้จะมีแรงกดดันจากแฟนบอลและสื่อก็ตาม อย่างไรก็ตาม หากข้อเสนอของซิลเลียคัสมีความน่าสนใจมากพอและสามารถสร้างความเชื่อมั่นทางการเงินได้จริง โอกาสก็ยังมีอยู่
สำหรับผู้ที่สนใจติดตามการเคลื่อนไหวของมหาเศรษฐีในวงการฟุตบอล การลงทุนในสโมสร และดีลเทคโอเวอร์ครั้งใหญ่ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ผ่าน ufabet บอลชุดออนไลน์ ราคาดีที่สุด ที่นำเสนอข่าวสารทางธุรกิจฟุตบอลและบทวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก ทั้งในเรื่องมูลค่าทีม การบริหารงาน และกลยุทธ์ทางการเงินของสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป
นอกจากแผนเทคโอเวอร์แล้ว ซิลเลียคัสยังพูดถึงเป้าหมายในระยะยาวว่า หากเขาได้เป็นเจ้าของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาจะเน้นการสร้างทีมด้วยนักเตะที่มีอัตลักษณ์ของสโมสรและความมุ่งมั่นแบบ “ยูไนเต็ด ดีเอ็นเอ” โดยมีการวางระบบโครงสร้างใหม่ตั้งแต่ระดับเยาวชนไปจนถึงทีมชุดใหญ่ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยเป็นทีมที่แฟนบอลทั่วโลกรู้สึกเชื่อมโยงได้ เพราะพวกเขาเล่นด้วยหัวใจ ผมอยากให้เรากลับไปสู่จุดนั้นอีกครั้ง”
ในช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์ ซิลเลียคัสกล่าวด้วยความมั่นใจว่า “ผมยังเชื่อว่าผมสามารถทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้ง ไม่ใช่แค่ในสนาม แต่ในเชิงวัฒนธรรมของสโมสร เราจะทำให้ทุกคนภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้” คำพูดของเขากลายเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางในหมู่แฟนบอลทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มผู้สนับสนุนที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด
และสำหรับแฟนบอลที่ต้องการติดตามข่าวสารเกี่ยวกับอนาคตของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งในด้านการเทคโอเวอร์ การบริหารทีม และทิศทางของสโมสรในยุคใหม่ สามารถติดตามได้ผ่านแพลตฟอร์ม สมัคร ufabet ล่าสุด โปรโมชั่นจัดเต็ม ซึ่งเป็นศูนย์รวมข่าวฟุตบอลระดับโลกที่อัปเดตข้อมูลแบบเรียลไทม์ ครอบคลุมทั้งมุมมองทางกีฬาและเศรษฐกิจ เพื่อให้แฟนบอลเข้าใจทุกมิติของเกมลูกหนังอย่างแท้จริง
การกลับมาของโธมัส ซิลเลียคัสอาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และหากข้อเสนอของเขาได้รับการพิจารณาอย่างจริงจังจากตระกูลเกลเซอร์ โลกฟุตบอลอาจได้เห็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ที่แฟนบอลมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงกับสโมสรที่พวกเขารักมากที่สุดในโลก.